Remarketing คืออะไร จำเป็นต้องทำหรือไม่?

Panida
|Updated: Dec 21, 2023

 

 

ตอบทุกคำถามที่สงสัย Remarketing คืออะไร? สำคัญแค่ไหนต่อเว็บไซต์ และจำเป็นต้องทำหรือไม่?

 

ปัจจุบันในฐานะผู้บริโภค เราคงจะเคยเห็นการทำโฆษณา แบบ Remarketing ผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อย บางคนก็เห็นแต่ไม่รู้ตัว ว่านี่คือ Remarketing หรือหลายคนรู้จัก แต่ก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าการทำงานของมันเป็นอย่างไร ทำยากไหม เสียเงินเยอะหรือเปล่า?

 

วันนี้ KODSANA.COM ขอพามาเจาะลึกการทำ Remarketing อย่างละเอียด ว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อเจ้าของเว็บไซต์ หรือการทำการตลาด และธุรกิจแบบไหนที่เหมาะสมกับการทำ Remarketing จริงๆ หากคุณพร้อมที่จะเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจคุณแล้วล่ะก็ ตามเรามาเรียนรู้การทำ Remarketing กันเลย

 

Remarketing คืออะไร?

Remarketing คืออะไร

ขอบคุณภาพจาก : nichemarket.co.za

Remarketing คือ การตลาดแบบติดตาม ที่จะคอยตามลูกค้า ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ เราก็จะติดตามลูกค้าไปในเว็บไซต์อื่นๆ ด้วยรูปแบบภาพแบนเนอร์โฆษณาของเราเอง เมื่อลูกค้าเห็นแบนเนอร์ ก็จะเกิดความรู้สึถูกย้ำเตือน ว่าเรายังไม่ได้ทำการซื้อสินค้าตัวนี้นี่นา ลูกค้าก็จะทำการกลับเข้ามาในเว็บไซต์ของเราอีกครั้งนั่นเอง ซึ่งจะมีประโยชน์คือ สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และช่วยเตือนกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นให้ตัดสินใจซื้ออีกครั้ง

รีมาร์เก็ตติ้งเป็นวิธีเชื่อมต่อกับผู้ที่เคยโต้ตอบกับเว็บไซต์หรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ โดยรีมาร์เก็ตติ้งจะทำให้คุณจัดวางตำแหน่งของโฆษณาที่แสดงต่อกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างมีกลยุทธ์ ในขณะที่กลุ่มเป้าหายเรียกดู Google หรือเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์ 

 

ทำไมถึงต้องทำ Remarketing?

เพราะลูกค้าไม่ได้ตัดสินใจซื้อตั้งแต่ครั้งแรก

Remarketing คืออะไร

เราเชื่อว่าทุกคนนั้นมีพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ ที่คล้ายๆ กัน ซึ่งก็สามารถยืนยันได้จากผลสำรวจปี 2019 พบว่าผู้บริโภคนั้น พฤติกรรมการหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาสินค้า ตลอดเวลา แม้ในขณะ ช้อปปิ้งในช่องทางออฟไลน์หรืออยู่ในร้านค้า นั่นหมายถึง พวกเขาจะไม่ตัดสินใจซื้อของในทันที แต่ต้องมีการเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นๆก่อน ทั้งด้านคุณภาพ ราคา หรือ โปรโมชั่นที่น่าสนใจ ที่สำคัญไปกว่านั้น ในสงครามการซื้อขายบนเว็บไซต์นั้น ผู้บริโภคจะมีตัวเลือกให้ตัดสินใจมากมาย นั่นหมายถึง พวกเขาอาจจะตกหล่น หรือลืมว่าเคยเข้าเว็บไซต์ไหนไปบ้าง และอาจจะตัดสินใจซื้อเพียงเว็บไซต์ที่พวกเขาจดจำได้นั่นเอง ดังนั้น คำแนะนำในการจัดการกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในลักษณะนี้ ก็คือ คุณควรจะทำ Remarketing เพื่อย้ำเตือนว่า อย่าลืมเว็บไซต์เรานะ หรือคุณเคยเข้ามาในเว็บไซต์เราแล้วนะ ทำการสั่งซื้อให้สำเร็จสิ

 

 

เพราะสามารถช่วยส่งเสริมการขายได้มากขึ้น

โดยรวมแล้วการทำการตลาดแบบรีมาร์เก็ตติ้งเป็นสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมการขายให้คุณได้เป็นอย่างดี เป็นเหมือนการเก็บตก กลุ่มเป้าหมายที่คุณอาจพลาดโอกาสปิดการขายไป ให้พวกเขามีโอกาสได้เห็นสินค้าของคุณอีกครั้ง ยิ่งเป็นลูกค้าที่เคยเข้าเว็บไซต์มาแล้ว แล้วกดออกไปนั้น ก็เริ่มมีแนวโน้มที่เขาจะเป็นลูกค้าของคุณ ซึ่งการทำรีมาร์เก็ตติ้งให้ได้ผลดีนั้นขึ้นอยู่กับการเก็บข้อมูลของลูกค้า และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ 

 

Remarketing มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

Standard Remarketing

ขอบคุณภาพจาก : trungtamgoogle.com

Standard Remarketing หรือ Static Remarketing เรียกง่ายๆ ก็คือการทำรีมาร์เก็ตติ้งแบบธรรมดาทั่วไป ซึ่งก็เป็นพื้นฐานเบื้องต้น ที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง โดยทั่วไปคือเราสามารถโฆษณาเพื่อแสดงให้คนที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของเราแล้ว และโน้มน้าวใจให้พวกเขา กลับเข้ามาเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง รีมาร์เก็ตติ้งแบบทั่วไปมีข้อดีหลายอย่างสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มจำนวนผู้ติดต่อเข้ามาหรือเพิ่มจำนวนการขาย ซึ่งอาจใช้เวลาในการตัดสินใจนานหรือจำเป็นต้องมีการเข้าชมหลายครั้ง ทำให้คุณสามารถปรับแต่งข้อความที่สื่อต่อผู้ชมและใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์บริการหรือโปรโมชั่นที่เฉพาะเจาะจง

 

Dynamic Remarketing

Remarketing คืออะไร

ขอบคุณภาพจาก : Google Partners

Dynamic Remarketing คืออะไร?  คือการทำ Remarketing ที่สามารถเรียกอีกอย่างนึงได้ว่า  การแสดงโฆษณาแบบเป็นส่วนบุคคล ซึ่งจะแสดงโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง หรือที่เรียกว่าไดนามิค โดยแสดงตามความสนใจของลูกค้าคนนั้นๆ หมายความว่า ผู้ใช้จะเห็นโฆษณาผลิตภัณฑ์และบริการที่เขาหรือเธอสนใจในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเป็นการ Remarketing ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าทำ Standard Remarketing เพราะจะต่างกันตรงที่  Standard Remarketing จะทำการ Remarketing แบบกว้างๆ เช่น เข้าเว็บไซต์ไหน ก็จะโชว์แบนเนอร์ที่เกี่ยวกับเว็บไซต์นั้นๆ แต่ Dynamic Remarketing จะแสดงโฆษณาเป็นรายบุคคล เช่น คุณคลิกที่สินค้าเป็นรองเท้าสีดำ รุ่นABC โฆษณาที่จะไปปรากฎบนเว็บไซต์อื่น ที่คุณจะได้เห็น ก็จะกลายเป็น รองเท้าสีดำ รุ่นABC เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะซื้อรองเท้าคู่นี้ นั่นเอง

ธุรกิจแบบไหน ที่เหมาะกับการทำ Dynamic Remarketing? ธุรกิจจำพวก E-commerce หรือ เว็บไซต์ที่มีหน้าสินค้าอยู่ที่เว็บไซต์นั้น ให้ลูกค้าได้หยิบลงตะกร้า จะเหมาะกับการทำรีมาร์เก็ตติ้งแบบนี้มาก เนื่องจากในเว็บไซต์ของคุณ นั้นมีสินค้ามากมาย หลากหลาย ทั้งต่างแบรนด์ ต่างแบบ หรือมีหลายประเภท หากจะให้เรามานั่งเซท ว่าจะเลือกสินค้าไหนโชว์ให้ลูกค้าเห็นดี เราจึงเลือกการทำ Dynamic Remarketing 

 

Email Remarketing

Remarketing คืออะไร

ขอบคุณภาพจาก : webplanners.eu

 

Email Remarketing คืออะไร? คือ กลยุทธ์ทางการตลาดแบบออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในรูปแบบของอีเมล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการประชาสัมพันธ์ โฆษณา หรือเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร ไปยังอีเมลของกลุ่มเป้าหมาย 

เรานำ Email กลุ่มเป้าหมายมาจากไหน? จริงๆแล้วเราอาจจะขอลูกค้าได้โดยตรง และสิ่งที่หลายธุรกิจมักนิยมทำ ก็คือ ให้ลูกค้ากรอกกแบบฟอร์ม สมัครสมาชิก ซึ่งวิธีที่จะทำให้ลูกค้าเต็มใจกรอกแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ก็ง่ายมาก เช่น มอบสิทธิพิเศษ แจกของทดลอง ลูกค้าก็จะรู้สึกฟอร์มนี้มีประโยชน์ และเต็มใจกรอกลงไปนั่นเอง

ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับ Email Marketing? เนื่องจาก Email Marketing นั้น เป็นเหมือนกลยุทธ์ที่ใช้ประชาสัมพันธ์ หรือแชร์ข่าวสารต่างๆ จึงเหมาะกับธุรกิจจำพวก E-Commerce , ธุรกิจบริการ และ อีกมากมาย ซึ่งการส่งอีเมล ก็เป็นลักษณะการแจ้งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ , แจ้งโปรโมชั่นพิเศษ , แจ้งสิทธิพิเศษของสมาชิก ฯลฯ

Remarketing เหมาะกับใคร?

 

เว็บไซต์ที่เคยทำ Google Ads มาก่อน

ทำไมต้องเว็บไซต์ที่เคยทำ Google มาก่อนด้วยล่ะ? ไม่เคยทำมาก่อน จะทำ Remarketing เลยไม่ได้หรอ? เราก็ขออธิบายให้ฟังตรงนี้เลยว่า หากคุณเคยทำ Google Ads มาก่อน การทำ Remarketing จะได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย มากถึงมากที่สุด! เพราะการทำ Google Ads ก็เหมือนเป็นการเก็บสะสมข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญ คือ พวกเขาเคยเข้าเว็บไซต์ของคุณมากแล้ว อีกทั้งคุณมีสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับลูกค้าของคุณอย่างละเอียดอยู่แล่ว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการชม รูปแบบโฆษณาที่ได้ผล รวมถึงข้อมูลด้าน Demographic ต่างๆ เพศอะไร อายุเท่าไหร่ คุณมีข้อมูลตรงนี้อยู่แล้ว 

เว็บไซต์ประเภท E-Commerce

Remarketing คืออะไร

การทำ Remarketing นั้น จะเห็นผลชัดเจนที่สุดกับเว็บไซต์ประเภท E-Commerce เนื่องจากลักษณะของกลยุทธ์นั้น มีจุดมุ่งหมายคือ “มีโอกาสซื้อ และกระตุ้นให้กลับมาซื้ออีกครั้ง” ดังนั้นหากเว็บไซต์ของคุณมีสินค้าอยู่ในเว็บแล้วล่ะก็ ให้ลองเริ่มทำ Remarketing จาก ตะกร้าสินค้า หากมีลูกค้าคนไหน ที่ทำการดูสินค้าของคุณ และมีแนวโน้มที่จะซื้อแล้วเช่น หยิบสินค้าใส่ตะกร้า เช็คค่าจัดส่ง นั่นหมายความว่าลูกค้าสนใจสินค้าของคุณมากๆ แต่อาจจะมีสิ่งรบกวน หรืออุปสรรค ที่ทำให้เค้าล้มเลิกการสั่งซื้อไป Remarketing ก็จะไปทำการย้ำเตือนว่า อย่าลืมมาทำรายการสั่งซื้อให้สำเร็จนั่นเอง

ข้อดีของการทำ Remarketing

 

เพิ่มการมองเห็น ตอกย้ำการตัดสินใจ

สิ่งสำคัญที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ ว่าแม้เว็บไซต์ของคุณจะสมบูรณ์แบบทั้งด้านการใช้งาน และการตลาดก็ตามที แต่ในส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น แน่นอนว่าการตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง บางทีก็ต้องใช้ระยะเวลานานเหมือนกัน ต้องใช้เวลาตัดสินใจ หรือเปรียบเทียบสินค้าและบริการจากหลายๆ เจ้า เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งกว่าลูกค้าจะตัดสินใจซื้อได้นั้น บางทีเขาก็ลืมไปแล้วว่าเข้าเว็บไซต์อะไรไว้บ้าง และก็อาจจะทำการตัดสินใจเลือกซื้อเฉพาะเว็บไซต์ที่จำได้นั่นเอง 

ดังนั้น จะดีกว่าไหม? ถ้าเราทำการตอกย้ำความมีตัวตนของเรา ว่าเรายังรอคุณลูกค้าอยู่นะ โปรดกลับมาซื้อสินค้าของเราเถอะ ก็จะทำให้ลูกค้าไม่ลืม ว่าเคยเข้าเว็บไซต์ของเรา มาให้เขามองเห็นบ่อยๆ ตอกย้ำบ่อยๆ เป็นเหมือนกลยุทธ์ “การตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” เดี๋ยวลูกค้าก็จะใจอ่อนนั่นเอง

เสียค่าโฆษณาน้อยลง

ทำไมถึงเสียค่าโฆษณาน้อยลง? ก็เป็นเพราะว่าเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงกว่าเดิม แถมเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้ามาเว็บไซต์ของเราแล้ว นั่นหมายถึงว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะซื้อมากกว่ากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ นั่นเอง ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะทุกบาทที่จ่ายไป คุณไม่ได้จ่ายแบบหว่านแห คุณลงทุนให้กับลูกค้าที่มีความสนใจในสินค้าของคุณในระดับนึง คุณกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะไปที่ลูกค้าที่คุณต้องการแสดงโฆษณาให้เห็นเท่านั้น วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยไม่ต้องเสียเงินมากมายอย่างที่เคยคุณเคยจ่ายนั่นเอง

 

ได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงใจมากกว่าเดิม

จะยกตัวอย่าง ในขั้นตอนแรกที่เราทำการตลาด เช่น Google Ads คุณก็จะทำการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้างๆ เช่น คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และเราก็มาดูกันว่า ใครที่สนใจโฆษณาของคุณจริงๆ ผ่านการดูอัตรการคลิก แล้วขั้นตอนถัดมาคือ คนที่คลิกโฆษณาของคุณ ก็มีแนวโน้มที่จะสนใจเว็บไซต์ของคุณมากๆ เราจึงทำการ Remarketing กลุ่มเป้าหมายที่แคบลง เจาะกลุ่มไปที่คนที่สนใจเว็บไซต์ของคุณอยู่แล้ว นั่นก็ทำให้เพิ่มโอกาสปิดการขายได้อีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียวล่ะ ที่สำคัญคือการทำ Remarketing นั้น มีโอกาสสั่งซื้อของลูกค้าได้สำเร็จเกือบ 70% เพราะยิ่งพวกเขาเห็นโฆษณามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณมากขึ้น วิธีนี้จะช่วยแก้ ‘ปัญหาการสั่งซื้อที่ยังไม่สำเร็จ’ ได้อย่างดี

 

 

สรุป

Remarketing ก็คือ กลุยุทธ์การติดตาม ทำให้ลูกค้าที่เคยเข้าเว็บไซต์เรา เห็นเราซ้ำๆ ในพื้นที่อื่น ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความสนใจ และเกิดการตัดสินใจอยากซื้อสินค้านั่นเอง ซึ่งเหตุผลที่คุณควรทำ Remarketing ก็มีดังนี้

Remarketing เหมาะกับใคร?

เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีสินค้าอยู่ หรือประเภท E-Commerce เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มโอกาสการซื้อได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งเคยทำ Google Ads มาก่อนนั้น ยิ่งทำให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงมากขึ้น

ประโยชน์ของการทำ Remarketing 

สามารถเพิ่มการมองเห็นสินค้าของคุณ แม้ไม่ได้เปิดเว็บไซต์ของคุณแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังสามารถเห็นคุณ ได้จากการเปิดเว็บไซต์หน้าอื่นๆ แถมได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงใจมากขึ้น ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า พวกเขามีโอกาสที่จะเป็นลูกค้าของคุณมากขึ้นเท่านั้น

ถ้าหากคุณคือเว็บไซต์ที่มีข้อมูลลูกค้าอยู่ในมือแล้วล่ะก็ ถึงเวลาที่คุณจะส่งเว็บไซต์ของคุณ ให้ลูกค้าได้มองเห็นอีกสักครั้ง เพิ่มโอกาสการปิดการขายได้อย่างแน่นอน